วัดถ้ำวัวแดง

ตามรอยพระพุทธบาทถ้ำวัวแดง ขอกริ่นนิดนึงนะครับจริงๆ แล้วถ้ำวัวแดงของจริงนั้นจะสามารถไปได้เมื่อถึงเวลาอันสมควรถ้ำจึงจะเปิดให้เห็น โดยจุดที่จะเปิดถ้ำวัวแดงนั้นแทบจะไม่ซ้ำที่กันเลยก็ได้ เท่าที่ฟังจากพระที่ท่านอยู่ที่วัดเล่าว่า ประมาณปี 2539 มีพระมาปฏิบัติธรรมหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นจำนวนมาก จากคำบอกเล่าของพระบางองค์ที่ออกมาจากถ้ำได้เล่าให้ฟังว่า การปรากฏปากทางเข้าของถ้ำวัวแดงนั้น บางครั้งจะปรากฏเหมือนเป็นม่านน้ำตกหรือหมอกบางๆ บางครั้งก็เดินทะลุเหมือนกับถ้ำทั่วไป มีฤๅษีบางองค์เข้าไปฝึกกรรมฐานไม่นานต่อมาก็มีนิมิตมีพระมาบอกคาถาให้ พอท่องแล้วปรากฏว่ามีปากถ้ำวัวแดงโผล่มาตรงหน้าให้เห็น อยากให้เข้าใจก่อนว่า ถ้ำวัวแดงที่พวกเราๆ ทั้งหลายเดินขึ้นบันไดปูนเข้าไปกันเป็นว่าเล่นนั้น จริงๆแล้วเขาเรียกว่า “ถ้ำประทุน” ครับ(แต่ป้ายบอกทางจะเขียนว่าถ้ำวัวแดง) ถ้ำแสงจันทร์ เป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยงามอีกที่หนึ่งในเทือกเขาเพชรบูรณ์ แต่เดิมในถ้ำจะมีปล่อง ให้แสงจันทร์และแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาได้ แต่ปัจจุบันมีใบไม้มาทับถมปิดปล่องเป็นจำนวนมาก ทำให้มองไม่เห็นแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา ถ้ำแสงจันทร์จะเป็นถ้ำทะลุ สามารถเดินทะลุไปยังใจกลางปล่องภูเขาไฟเก่าได้ และบริเวณกลางปล่องภูเขาไฟเก่านี่แหละจะเป็นที่สำหรับพวกเราจะใช้เป็นที่พักค้างคืนและฝึกกรรมฐานกัน 3 วัน 3 คืน อุปกรณ์สำหรับการเดินทาง ปรอทสำหรับดูดพิษ มะนาวสด(กันงูมีพิษได้) วัตถุมงคลตามที่แต่ละคนจะศรัทธา ยาตั้ง(เอามาผสมน้ำทาขาและแขนกันแมลงดูดเลือดและเห็บพิษ) ผ้ายางพลาสติกสำหรับปูนอน มีดสำหรับตัดต้นไผ่และขุดหลุม กระดาษทิชชู่(ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ เข้าป่าหามุมขุดหลุมวางระเบิดกันเอาเอง) น้ำดื่มเอามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อาหารแห้งต่างๆ เช่น มาม่า ปลาแห้ง หรือใครจะเตรียมกะทิกล่องมาสำหรับทำข้าวหลามก็ได้ เสื้อกันหนาว และถุงนอน ฯลฯ การเตรียมเสื้อผ้า แนะนำให้เอาไปแค่ชุดเดียวพอครับ เพราะข้างบนไม่มีน้ำให้อาบอยู่แล้ว ควรเลือกใส่เป็นกางเกงจะสะดวกกว่า และควรเป็นสีขาวหรือสีเหลือง หรือสีกลัดเท่านั้น หรือสีแบบสันติอโศกก็ได้ เพราะที่นี่จะมีตัวกบดตัวใหญ่มาก(ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ถูกหรือเปล่า) เหมือนลิง แต่ตัวใหญ่เท่าคน มันจะทำร้ายคนที่ใส่เสื้อผ้าสีอื่นนอกเหนือจากสีขาว สีเหลือง และสีกลัด เพราะพวกลักลอบตัดไม้ กับพวกที่ชอบแต่งตัวแบบทหารเคยไปยิงพวกพ้องของมัน มันเลยจะจำและจะเข้าทำร้ายทันที เห็นอาจารย์ยอดบอกว่าเขี้ยวมันยาวขนาดเท่านิ้วกลางผู้ชายตัวใหญ่ๆได้เลย การเดินทาง ครั้งนี้ตอนแรกไปกัน 9 คนต่อมามีคนที่สนใจขออติดตามไปด้วย จึงมีเพิ่มมาอีกเป็น 13 คน(พระสงฆ์ 3 รูป ชาย 5 คน หญิง 5 คน) 1 คืนแรกนอนพักที่ถ้ำวัวแดงก่อน และอีก 3 คืนหลังไปนอนกันที่ถ้ำแสงจันทร์กลางปล่องภูเขาไฟเก่า พบหลวงปู่เทพโลกอุดรเดินนำทาง หลังจากที่พวกเราทานอาหารช่วง 11 โมงเสร็จ ก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ กลุ่มคนที่เดินเร็วก็จะนำกันไปก่อน(มีสุนัขนำทางให้) กลุ่มคนที่เดินเร็วปานกลางก็จะอยู่ตรงกลาง และรั้งท้ายด้วยคนกลุ่มที่เดินช้าคือพระอาหจารย์เดชฤทธิ์ พระอาจารย์ตือ ลูกหาบพี่บัติ ลุงบู่ แม่นิ่ม และหลวงตา(ที่เดินช้าเพราะต้องแบกของหนักตลอดทาง)แต่กลุ่มคนเดินช้าจะรู้ทางกันหมดทุกคนยกเว้นหลวงตากับพระอาจารย์ตือแค่ 2 รูปที่ไม่รู้ทางไปถ้ำแสงจันทร์ ปรากฏว่าพอกลุ่มแตกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่และทิ้งช่วงกันไปไกลมาก กลุ่มพวกที่เดินเร็วแต่ไม่มีใครรู้ทางเลย(เดินตามสุนัขนำทาง) มีบางคนมองเห็นหลวงตาเดินนำทางอยู่ข้างหน้า ในขณะเดียวกันกลุ่มคนที่เดินเร็วปานกลางก็ไม่มีใครรู้ทางเช่นเดียวกันและมองไม่เห็นพวกคนกลุ่มหน้าเลยเพราะทิ้งช่วงกันไกลเกินไป ก็มองเห็นหลวงตาเดินนำทางอยู่ข้างหน้าให้เช่นกัน ทั้งที่ความเป็นจริงหลวงตาองค์ที่เป็นพระสงฆ์องค์จริงๆ เดินอยู่ในกลุ่มหลังสุด มารู้ทีหลังเพราะพอพวกราไปถึงบันไดลิงกันหมดแล้ว กำลังนั่งรอกลุ่มเดินช้ามาถึง หลวงตาองค์จริงกลับเพิ่งเดินมาถึง??? และที่น่าสังเกตคือหลังจากทานอาหารเสร็จหลวงตาหันมาบอกว่า “ให้รีบไป เดี๋ยวจะไม่ทัน” พี่แก้วให้ยินชัดที่สุด หลวงตาพูดเป็นภาษาไทยชัดเจนมาก และใบหน้าผ่องผิดปกติ แต่กลับกลายเป็นว่าพอไปถามหลวงตาองค์จริงอีกครั้ง ท่านกลับบอกว่าท่านไม่ได้พูดอะไรเลย และหลวงตาองค์จริงก็ยังพูดภาษาไทยไม่ชัดอีกด้วย ท่านพูดแต่ภาษาอีสาน??? แต่ที่ชัดที่สุดคงจะเป็นตอนที่หลังทานอาหาร ตอน 11 โมงเสร็จเริ่มออกเดินทาง ข้าพเจ้าเห็นหลวงตาองค์จริงนั่งขัดบาตรอยู่เพราะผูกไว้หลวม ท่านเลยนั่งข้างๆนั่งขัดบาตรใหม่ ข้าพเจ้าก็เดินเลยท่านไป ทางเดินมันก็แคบๆ เดินได้แค่ทีละคน ปรากฏว่าพอเดินเลยหลวงตาองค์จริงไปไม่กี่ก้าว ข้าพเจ้ากลับเจอหลวงตาเดินนำหน้าอยู่ห่างกันแค่เมตรกว่าๆ ตอนนั้นข้าพเจ้าก็ตกใจพอสมควรเพราะสงสัยว่าทำไมหลวงตาเดินแซงมาได้ ทั้งที่ทางเดินแคบมากเดินได้แค่ทีละคน ถ้าท่านจะแซงท่านก็ต้องขอทางให้ข้าพเจ้หลบข้างๆให้ก่อน ท่านถึงจะเดินแซงหน้าไปได้ แต่เพิ่งเดินพ้นท่านมาไม่กี่ก้าว กลับเจอท่านเดินนำหน้าอยู่ข้างหน้าแล้ว ตอนนั้นท่านหันมามองข้าพเจ้าเล็กน้อยเหมือนกลับดูว่าตามมาอยู่รึเปล่า ข้าพเจ้ายังมองเห็นหน้าท่านอยู่ชัดเจน จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอาพวกเรางงกันเป็นไก่ตาแตก องค์ไหนหลวงตาองค์จริง องค์ไหนหลวงตาองค์ปลอม นั่งซักไซร้ลำดับเรื่องราวกันพอสมควร สุดท้ายแล้วสรุปได้คือ มีหลวงตา 2 องค์แน่ๆ (เพราะกลุ่มที่เดินเร็วก็บอกว่าหลวงตาเดินนำทางให้ กลุ่มกลางก็บอกว่าหลวงตาเดินนำทางให้ กลุ่มหลังก็บอกว่าหลวงตาเดินนำหน้ากลุ่มเขาเหมือนกัน จึงสรุปได้ว่ากลุ่มหลังเป็นหลวงตาองค์จริง) ส่วนที่กลุ่มกลางกับกลุ่มหน้าเห็นแปลว่าเป็นหลวงตาองค์ปลอม และองค์ปลอมก็คือหลวงปู่เทพโลกอุดรแน่นอน เพราะก่อนออกเดินทางพวกเราอธิษฐานกันไว้ว่าอยากจะพบท่านสักครั้ง และก่อนออกเดินทางพระอาจารย์เดชฤทธิ์ก็บอกว่ามองเห็นหลวงปู่เทพโลกอุดรเดินนำหน้าพวกเราอยู่ เพียงแต่ท่านมาสงเคราะห์ให้พวกเราเห็นแบบไม่รู้ตัว คือมาเป็นพระแก่ๆ เหมือนกับหลวงตาที่มาด้วยกัน ทำให้พวกเราไม่มีใครเอ๊ะในสงสัยกันเลยตลอดการเดินทาง พอมาถึงที่แล้ว นั่งคุยกันเลยมาถึงบางอ้อทีหลัง เพราะไปมั่วแต่ยึดติดว่าท่านต้องมาแบบที่เคยเห็นในรูปภาพวาด

ที่อยู่: ตำบล บ้านเจียง อำเภอ ภักดีชุมพล ชัยภูมิ 36260

Write a Review

Click to rate

การสมัครสมาชิกหมายถึงคุณยอมรับต่อ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งาน and our นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเว็บไซด์ของเราแล้ว